Wednesday, September 19, 2012

รสทางวรรณคดีไทย



 
รสทางวรรณคดีที่ มีอยู่ ๔ ชนิด คือ เสาวรจนี นารีปราโมทย์ พิโรธวาทัง
และสัลลาปังคพิไสย 
 
       ๑. เสาวรจนี เป็นการชมความงาม ชมโฉม เช่น
 
หนุ่มน้อยโสภาน่าเสียดาย           ควรจะนับว่าชายโฉมยง
ทนต์แดงดั่งแสงทับทิม               เพริศพริ้มเพรารับกับขนง
เกศาปลายงอนงามทรง              เอวองค์สารพัดไม่ขัดตา...
 
จากบทข้างต้น เป็นการกล่าวชมรูปโฉมของวิหยาสะกำ ซึ่งถูกสังคามาระตาสังหาร กล่าวว่าวิหยาสะกำนั้น เป็นชายหนุ่มรูปงาม ฟันนั้นเป็นแสงแวววาวสีแดงราวกับแสงของทับทิม ซึ่งตัดรับกับคิ้ว รวมทั้งปลายเส้นผมซึ่งงอนงามขึ้นเป็นทรงสวยงาม รับกับทรวดทรงองค์เอวของวิหยาสะกำ
 
๒.นารีปราโมทย์ คือ การทำให้ ผู้หญิงชอบ ซึ่งรูปแบบหนี่งก็คือ การแสดงความรักผ่านการเกี้ยวแลโอ้โลมปฏิโลม คำว่า "โอ้โลมปฏิโลม" นี้ ความหมายหมายถึง การใช้มือลูบไปตาม (โอ้) แนวขน (โลมา) และย้อน (ปฏิ) ขนขึ้นมา เช่น ตอนที่อิเหนากำลังสั่งลาจากนางจินตะหรา คือ
 
 
เมื่อนั้น                            พระสุริย์วงศ์เทวัญอสัญหยา
โลมนางพลางกล่าววาจา            จงผินมาพาทีกับพี่ชาย
ซึ่งสัญญาว่าไว้กับนวลน้อง          จะคงครองไมตรีไม่หนีหน่าย
มิได้แกล้งกลอกกลับอภิปราย      อย่าสงกาว่าจะวายคลายรัก

จากบทข้างต้น ก็คือบทที่อิเหนาได้บอกกล่าวกับจินตะหรา ว่าตนไปก็คงไปเพียงไม่นาน
        
๓. พิโรธวาทัง คือการแสดงความโกธรแค้นผ่านการใช้คำตัดพ้อต่อว่า ทั้งยังแสดงความน้อยเนื้อต่ำใจความผิดหวัง ความแค้นคับ และความโกรธ เช่น
เมื่อนั้น                        พระผู้ผ่านไอศูรย์สูงส่ง
 ประกาศิตสีหนาทอาจอง        จะณรงค์สงครามก็ตามใจ
 ตรัสพลางย่างเยื้องยุรยาตร    จากอาสน์แท่นทองผ่องใส
 พนักงานปิดม่านทันใด           เสด็จเข้าข้างในฉับพลันฯ

ในบทที่ยกมานี้ เป็นตอนที่ท้าวดาหาได้ฟังความจากราชทูตของเมืองกะหมังกุหนิง
 
๔. สัลลาปังคพิไสย คือ การโอดคร่ำครวญ หรือบทโศกด้วยการจากสิ่งอันเป็นที่รัก เช่น บทที่อิเหนากำลังชมนกชมไม้ระหว่างจะไปดาหา 

                   ว่าพลางทางชมคณานก   โผนผกจับไม้อึงมี่
 เบญจวรรณจับวัลย์ชาลี              เหมือนวันพี่ไกลสามสุดามา
         นางนวลจับนางนวลนอน             เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา
         จากพรากจับจากจำนรรจา          เหมือนจากนางสการะวาตี
         แขกเต้าจับเต่าร้างร้อง                เหมือนร้างห้องมาหยารัศมี
         นกแก้วจับแก้วพาที                     เหมือนแก้วพี่ทั้งสามสั่งความมา

       จากบทข้างบน จะเห็นได้ว่าอิเหนากำลังโศกเศร้าอย่างหนัก จะเรียกว่าอยู่ในขั้นโคม่าเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะมองอะไร ก็นึกถึงแต่นาง ทั้งสามที่ตนรัก คือนางจินตะหรา มาหยารัศมี และสการะวาตี
 

No comments:

Post a Comment